‘บัญชีกลาง’ ยืนยันสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ไม่ลด-ไม่มีแบบร่วมจ่าย

จากข้อสงสัยและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการปรับแก้อัตราเบิกค่ายาในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยเฉพาะประเด็นการ “ร่วมจ่ายเงิน (Co-payment)” และการจำกัดการใช้ยา กรมบัญชีกลาง ได้ออกมายืนยันเพื่อคลายข้อสงสัยแก่ผู้มีสิทธิ

โดยกรมบัญชีกลางยืนยันชัดเจนว่า การปรับปรุงระบบครั้งนี้ ไม่ใช่การลดสิทธิ แต่อย่างใด เป็นเพียงการจัดระบบให้มีความเหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อให้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลมีความยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้ ผู้ป่วยยังคงได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเช่นเดิม นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางไม่ได้กำหนดให้ผู้ใช้สิทธิต้องร่วมจ่ายเงิน (Co-payment) ทุกครั้ง ที่เข้ารับการรักษา การปรับปรุงนี้เป็นเพียงการกำหนดเงื่อนไขการจ่ายตามปกติเช่นเดียวกับค่าห้อง ค่าอวัยวะเทียม และค่าตรวจวินิจฉัย โดยอ้างอิงจากข้อมูลการใช้ยาจริงและราคาจัดซื้อของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับสาเหตุของการปรับแก้อัตราเบิกค่ายามาจากการที่ปัจจุบันมียาหลายชนิดทั้ง ยาสามัญ (GENERIC) และ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง (BIOSIMILAR) ออกสู่ตลาด ซึ่งยาเหล่านี้ผ่านการรับรองว่ามีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เทียบเท่ายาต้นแบบ (ORIGINAL) แต่มีราคาที่ต่ำกว่ามาก การนำยาเหล่านี้มาใช้แทนจึงเป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า โดยไม่ลดคุณภาพการดูแล

อีกทั้งเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่หลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ก็ใช้แนวทางเดียวกันเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพของตน

ส่วนประเด็นความกังวลว่าผู้ป่วยจะไม่ได้รับยาที่เหมาะสมหรือไม่นั้น กรมบัญชีกลางยืนยันว่า ผู้ป่วยยังได้รับยาที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเช่นเดิม เนื่องจากระบบกำหนดอัตราเบิกและการคัดเลือกยาทั้งหมด อ้างอิงตามหลักฐานทางการแพทย์ (Evidence-Based Medicine) และมาตรฐานแนวทางการรักษาของสมาคมวิชาชีพ

สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ต่อไปสิทธิข้าราชการจะเบิกได้เฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ผู้มีสิทธิยังคงสามารถ เบิกค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติได้ ตามความจำเป็นและเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งสามารถเบิกได้ทั้งยาสามัญและยาต้นแบบ ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด แต่ในกรณีที่ต้องใช้ยาที่มีราคาสูง จะมีระบบกำกับการใช้ยาที่เหมาะสม เช่น ต้องมีข้อบ่งชี้สำคัญที่แพทย์รับรอง