รัชกาลที่ 10 ตัดสินใจนำท่านผู้หญิง ศรีรัศมี สุวดี กลับคืนเพื่อเห็นแก่พระเจ้าทีปังกร

อย่ามองย้อนหลังชีวิตอันนี้คุณค่าตัวของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์สุวะดีป.ประบ่รัชญาย้อนไปแต่เมื่อราวต้นปี2545เชื่อว่าประชาชนชาวไทยก็ยังจำกันได้เป็นอย่างดีเมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมารพระอิสริยยศในขณะนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะสื่อมวลชนเข้าเฝ้าเพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของพระองค์และในคราวนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ส่งให้สื่อมวลชนได้รู้จักกับหม่อมศรีรัตน์มหิดลณ อยุธยาการและในโอกาสที่หม่อมศรีรัตน์เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากข่าววิทยาการจัดการจากมหาวิทยาลัยจะโขทัยธรรมาธิราชขอพระองค์ทรงจัดว่าทรงอยู่กับหม่อมศรีรัตน์มาตั้งแต่ปี2536ดูดใจและศึกษากันมายาวนานและเมื่อวันที่7กุมภาพันธ์2544ได้ทรงจดทะเบียนกันอย่างเงียบเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9แต่ตอนนี้เราอายุ50ปีแล้วคิดว่าควรจะเริ่มทำการปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวอยากให้เป็นครอบครัว ที่สมบูรณ์น่ารักและถูกต้องในตาของประชาชนไม่ใช่การมหาเสียงหรือทำให้Popularแต่อยากให้ประชาชนได้สบายใจหม่อมศรีรัตน์เป็นคนมีเมตตาอ่อนโยนเป็นมิตรเข้ากับทุกคนและเข้ากับพระองค์ได้มีความเตรียมตัวก็อดทนไม่เคยให้ร้ายใครใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสบายๆที่สำคัญมีความอบอุ่นในครอบครัวทำให้บ้านเป็นบ้านเราอยากจะสร้างครอบครัวขึ้นมาให้ดีหม่อมมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆภายในบ้านมาดูแลข้าราชบริพารรวมทั้งถวายงานสมเด็จเราใช้ชีวิตกันแบบ สบายๆไม่มีอะไรต่อไปอาจจะมีข่าวดีก็ได้และจึงจะโชคดีก็จะมีข่าวดีเมื่อระยะเวลาพันธุ์ไปไม่นานเท่าไรนักข่าวดีที่ทรงตรัสไว้ก็มาถึงจงเวลาแห่งความปลื้มปิติของปวงพสกนิกรชาวไทยก็พองโตอีกครั้งเมื่อแถลงการณ์สำนักราชวังระบุว่าหม่อมศรีรัตน์มีประสูติกาลพระโอรสองค์น้อยด้วยการผ่าตัดพระโอรสมีพระปัจจุติกาลเมื่อเวลา18:35วันศุกร์ที่29เมษายน2548ลดน้ำหนัก2680กรัมความยาวพระองค์47เป็นติเมตรรอบเรื่องเตียง3114เมตรลืมพระเนตรเวลา19:00นประเนตรโตพระนาสิก ดงแล้ววันนี้ความเพิ่มปิติของปวงประชาชนชาวไทยก็มาถึงอีกครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชaมาเหตุตลาดทิเบตกระมาธิบดีจักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราชบรมนาถบพิตรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่าโดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชได้ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมศรีรัตน์มหิดลณอยุธยาได้ถูกต้องทุกประการและมีพระโอรสอันประสบแต่หม่อมศรีรัตน์มหิดลณอยุธยาแล้วจึงมีพระบรมราชโองการจะทำบัตรต่างให้สถาปนาหม่อมศรีรัตน์มหิดลณอยุธยาเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ศรีรัศมิ์พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมารทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ตั้งแต่ปัดนี้เป็นต้นไปประกาศณวันที่15มิถุนายนปีพุทธศักราช2548เป็นปีที่60ในรัชกาลผู้รับสนองพระบรมราชโองการพันตำรวจโททักษิณชินวัตรนายกรัฐมนตรีค่ะและนี่วันเดียวกันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศฉบับที่2ว่าโดยที่ทรงพระราชดำริว่าหม่อมเจ้า4หรือวรรณวดีมหิดลพระธิดาในสมเด็จพระบรมโอ รสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์จะอย่ามาขุดพระราชกุมารบัดนี้ทรงเจริญวัยพร้อมด้วยกุดที่ผลิตชาตามารถศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติกับพระเกียรติได้เป็นอันดีเป็นที่พอพระจะฤทัยสมควรไม่รับพระมหากรุณาให้ดำรงพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ที่สูงขึ้นผมจึงมีพระบรมราชโองการดำรัสต่างให้สถาปนาหม่อมเจ้าสิริวัณว่าดีไม่กี่ดลเป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณบดีนารีรัตน์ประราชทานพรให้ทรงวัยวัฒนายุการส่งผ่านอันจบพละปฏิภาณธนสารสมบัติกับพระศรีสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล ทุกประการเทอญประกาศณวันที่15มิถุนายนปีพุทธศักราช2548เป็นปีที่60ในรัชกาลชื่อผู้รับสนองพระบรมราชโองการพันตำรวจโททักษิณชินวัตรนายกรัฐมนตรีและขนาดเดียวกันมีประกาศสำนักพระราชวังลงวันที่10มิถุนายนปีพุทธศักราช2548ความว่าเลขาธิการพระราชวังรับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม2ข้อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชและพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระ องค์เจ้าศรีรัศพระบ่รัชญาซึ่งประสูติเมื่อวันศุกร์ที่29เมษายนพุทธศักราช2548ตามขัตติยราชประเพณีณประที่นั่งอนันตสมาคมพระราชวังดุสิต27มิถุนายน2548อ้างจากฟ้าสูงหิวย้อนชีวิตคนทำผิดใกล้ชิดเบื้องสูงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผลตำรวจaจุมพลมั่นหมายไม่ใช่กรณีแรกที่อดีตคนเคยใกล้ชิดเบื้องสูงถูกพบความผิดจนชะตากรรมต้องพลิกผันเพราะเป็นสิ่งที่ทั้งนายพงษ์พัฒน์ฉายาพันธุ์ครอบครัวอัครพงศ์ปรีชารวมไปถึงหมอหยองเคยเผชิญมาก่อนหน้านี้เอ่ออัครพงศ์ปรีชา ครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์หลังครอบครัวถูกดำเนินคดีพลตำรวจจริงท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จุบดีก็ลาออกจากฐานันดรจากและกลับไปปฏิบัติธรรมอย่างเงียบๆที่จังหวัดราชบุรีก็สืบเนื่องจากการดำเนินคดีกับนายพงษ์พัฒน์นำไปสู่การขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดในคดีมอร์112เพิ่มเติมฝังตำรวจและพลเรือนรวมทั้งผู้ที่มีนามสกุลอัครพงศ์ปรีชาที่เป็นนามสกุลพระราชทานจำนวน6คนประกอบด้วยนายอภิรุจนางวันทนีย์นางสุดาทิพย์นายณรงค์นายณัฐพลได้นายจิตติศักดิ์สิงห์ทั้งหมดต่างเป็นคนใน ครอบครัวของคนตำรวจจริงท่านผู้หญิง4กระดาสให้หลังครอบครัวถูกดำเนินคดีในวันที่12ธันวาคม2557ราชกิจจานุเบกษาก็เผยแพร่ประกาศการลาออกจากฐานันดรจากของผลตำรวจจริงท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ก่อนเป็นกลับไปใช้งานสกุลเดิมคือสุวะดีข้อข้อความสุดท้ายที่พลตำรวจจริงท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์มีสื่อสารต่อสังคมไทยนั่นก็คือจดหมายที่ขอไปปฏิบัติธรรมอย่างเงียบในบ้านพักที่จังหวัดก็ราชบุรีได้หลังจากนั้นจะตีสูงศักดิ์ก็กลัวในที่สาธารณะอีกต่อไปล้อเล่นปี 2558การได้ตัดสินให้จำคุกสมาชิกครอบครัวคนจำนวนจริงท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์มีทั้งหมดเห้ยอัตราโทษที่แตกต่างกันไปกรณีของพ่อแม่ของคนตำรวจจริงถ้าผู้หญิงจิรัชจานชีว่ามีการแอบอ้างเบื้องสูงไปข่มขู่คู่กรณีส่วนนางสุดาทิพย์สารทีว่าเป็นผู้กำหนดเมนูอาหารในลักษณะผูกขาดในวังศุโขทัยแต่เมื่อกระทำผิดมักแอบอ้างเบื้องสูงให้จำคุกคนละ2ปี6เดือนขนาดที่ใดณรงค์นายณัฏฐพลเรือนนายสิตะจานชีว่ามีการใช้ปืนขู่บังคับผู้เสียหายให้ไปเจรจาลด หนี้ให้จำคุกคนละ5ปี6เดือนชื่อเล่นในภาพของคุณศรีรัตน์ปัจจุบันพบเมื่อเมษายนปี2564หม่อมศรีรัตน์จุบดีเข้าแถวซื้อสิ่งจำเผยก็ได้ในหมู่คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งบางกลิ่นยันว่าเป็นท่านจริงแต่บางก็ว่ามีไทยเพราะหูไม่เหมือนกันรูปภาพสีขาวเข้าแถวซื้อสิ่งต่ำชุดนี้เผยประเทศในหมวกคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งตัวเหมือนจะเผยแพร่โดยคุณสุนัยเป็นภาพของคนศรีรัศมิ์สุวะดีดูอยู่หลายเที่ยวก็ไม่อัดฟันธงลงไปได้ดูแล้วเหมือนศรีรัศมิ์ไหมผู้เล่นมีผู้สันทัดกรณีในท้องที่หาดใหญ่ มีหลายคนยืนยันอีกว่าภาพเหล่านั้นใช่แน่ในใบหูดูบิดเบี้ยว1ประสยรัฐจากหน้ากากอนามัยมัดไว้ถ้าดูจากอีกโลกที่1ข้ามถนนจะเห็นใบหูข้างเดียวกันยาวเหยียดแอบเดียวกันในรูปเมื่อครั้งสงศักดิ์ThePastอกของป้อมอธิบายน่าจะใช่นะคะท่านมากับคุณกอล์ฟซึ่งคุณกอล์ฟไปหาเพื่อนที่สตูลควนกาหลงเมื่อ8เมษายนน่าจะแวะมาเที่ยวหาดใหญ่10เมษาค่ะมีแต่ไม่เท่านั้นอย่างเราเพิ่มเติมได้ว่าแต่เตี้ยมเป็นภาษาแต้จิ๋วติ่มซำเป็นกวางตุ้งมาจากคำภาษาเขียนและ ร้านโชคดีเป็นร้านดังของหาดใหญ่ขายมานานมีหลายห้องรับลูกค้าได้เยอะอย่ามองย้อนหลังชีวิตอันนี้คุณค่าของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์สุวะดีมีพระบ่รัชญาย้อนไปเมื่อราวต้นปี2545เชื่อว่าประชาชน

ข่าวเศร้า!!วงการบันเทิงเศร้า ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ เสียชีวิตอย่างสงบ

วงการบันเทิงเศร้า ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ นาท ภูวนัย เสียชีวิตอย่างสงบ 16 ต.ค. 2568 เวลา 13:34 น. ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ นายอุดมพร คชหิรัญ หรือ นาท ภูวนัย เสียชีวิตอย่างสงบหลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล สิริอายุ 79 ปี หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมาหลายเดือนจากอาการน้ำท่วมปอด โดยลูกสาว ตู่ จารุศิริ โพสต์แจ้งข่าวเศร้า  

ข่าวเศร้า!!วงการบันเทิงเศร้า ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ เสียชีวิตอย่างสงบ

วงการบันเทิงเศร้า ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ นาท ภูวนัย เสียชีวิตอย่างสงบ 16 ต.ค. 2568 เวลา 13:34 น. ปิดตำนานพระเอกรุ่นใหญ่ นายอุดมพร คชหิรัญ หรือ นาท ภูวนัย เสียชีวิตอย่างสงบหลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล สิริอายุ 79 ปี หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมาหลายเดือนจากอาการน้ำท่วมปอด โดยลูกสาว ตู่ จารุศิริ โพสต์แจ้งข่าวเศร้า    

เปิดสาเหตุ 7 ชีวิต หนีออกมาจากบ้านไม่ได้ หลังเกิดเหตุไฟไหม้

เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจใครหลายๆ คน หลังไฟไหม้ครั้งใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระยอง สร้างความสูญเสียอย่างหนัก บ้านเรือนหลายหลังถูกเพลิงเผาวอด และมีผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยบ้านต้นเพลิงประกอบอาชีพรับจ้างทำอาหารส่งโรงงาน ทำให้มีถังแก๊สจำนวนมากตั้งอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไฟลุกลามรุนแรง เพื่อนบ้านเล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุมีญาติของเจ้าของบ้านมาเยี่ยม จึงได้ตั้งเตาย่างบาร์บีคิวรับประทานกัน เมื่อถึงเที่ยงคืนเธอกลับเข้าบ้านของตัวเอง กระทั่งเวลาตี 2 ได้รับข่าวร้ายว่าไฟไหม้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งยังระบุว่าเจ้าของบ้านเคยบ่นเรื่องถังแก๊สรั่วและไฟฟ้าลัดวงจรเป็นประจำ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ต้นเพลิงมาจากชั้นล่างของบ้าน ก่อนจะลุกลามขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว ผู้ที่พักอาศัยอยู่ด้านบนไม่สามารถหนีออกมาได้ เนื่องจากถูกควันและไฟปิดล้อมทั้งหมด ส่งผลให้เสียชีวิตรวม 7 รายในครั้งนี้ หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและทีมแพทย์นิติเวชเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าของญาติและเพื่อนบ้าน ขณะที่เพื่อนของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยในโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้คนร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก

สว.อังคณา พูดแล้ว หลังโดนดราม่าคนไทยถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อถอดถอนจาก สว.

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2568 นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิก วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายวัส ติงสมิตร อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กมองว่า การเปิดซาวด์ผีไม่ผิด และไม่ครบองค์ประกอบการทรมาน ตามกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมจวก ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็นเขมร นั้น นางอังคณา ได้มีการออกมาตอบโต้ถึงประเด็นดังกล่าวว่าอยากจะแนะนำให้ลองไปอ่านรายงานของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ด้านการต่อต้านการทรมาน ที่ได้ทำรายงาน วิจัยศึกษาเอาไว้เรื่องการทรมานทางจิตวิทยา ที่ระบุไว้ว่าการทำให้เหยื่อสูญเสียอำนาจ หรือการทำอะไรไม่ได้เลย อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถหนีไปจากสภาพนั้นได้ เพื่อให้สิ่งนั้น ยุติลงได้ หรือเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญและเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้เกิดขึ้น จนทำให้เกิดความกดดันในจิตใจซึ่งทั้งหมดนี้มีหลักเกณฑ์อยู่ ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาจึงได้หยิบยกเรื่องดังกล่าว ร้องเรียนไปยังข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยส่วนตัวก็ทำงานด้านนี้มาโดยตลอด และได้อ่านรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว จึงได้ตั้งคำถามว่า เป็นการเข้าข่ายด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็ต้องไปชี้แจงในเวทีระหว่างประเทศ ส่วนที่มาบอกว่า คนไทยใจเขมร มองว่า ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่สิ่งที่ตนทำไปคือความปรารถนาดีต่อประเทศไทย เพราะตนเองก็เป็นคนไทยที่รักชาติ ไม่น้อยไปกว่าใคร แต่เลือกที่จะเตือน และกล้าที่จะเตือน ในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นว่า ถูกต้อง และไม่อยากให้ประเทศไทยเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาโดนดราม่าถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนออกจาก สว.นั้น … Read more

เปิดสาเหตุ 7 ชีวิต หนีออกมาจากบ้านไม่ได้ หลังเกิดเหตุไฟไหม้

เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจใครหลายๆ คน หลังไฟไหม้ครั้งใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระยอง สร้างความสูญเสียอย่างหนัก บ้านเรือนหลายหลังถูกเพลิงเผาวอด และมีผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยบ้านต้นเพลิงประกอบอาชีพรับจ้างทำอาหารส่งโรงงาน ทำให้มีถังแก๊สจำนวนมากตั้งอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไฟลุกลามรุนแรง เพื่อนบ้านเล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุมีญาติของเจ้าของบ้านมาเยี่ยม จึงได้ตั้งเตาย่างบาร์บีคิวรับประทานกัน เมื่อถึงเที่ยงคืนเธอกลับเข้าบ้านของตัวเอง กระทั่งเวลาตี 2 ได้รับข่าวร้ายว่าไฟไหม้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งยังระบุว่าเจ้าของบ้านเคยบ่นเรื่องถังแก๊สรั่วและไฟฟ้าลัดวงจรเป็นประจำ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ต้นเพลิงมาจากชั้นล่างของบ้าน ก่อนจะลุกลามขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว ผู้ที่พักอาศัยอยู่ด้านบนไม่สามารถหนีออกมาได้ เนื่องจากถูกควันและไฟปิดล้อมทั้งหมด ส่งผลให้เสียชีวิตรวม 7 รายในครั้งนี้ หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและทีมแพทย์นิติเวชเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าของญาติและเพื่อนบ้าน ขณะที่เพื่อนของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยในโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้คนร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก

สว.อังคณา พูดแล้ว หลังโดนดราม่าคนไทยถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อถอดถอนจาก สว.

นางอังคณา ได้มีการออกมาตอบโต้ถึงประเด็นดังกล่าวว่าอยากจะแนะนำให้ลองไปอ่านรายงานของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ด้านการต่อต้านการทรมาน ที่ได้ทำรายงาน วิจัยศึกษาเอาไว้เรื่องการทรมานทางจิตวิทยา ที่ระบุไว้ว่าการทำให้เหยื่อสูญเสียอำนาจ หรือการทำอะไรไม่ได้เลย อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถหนีไปจากสภาพนั้นได้ เพื่อให้สิ่งนั้น ยุติลงได้ หรือเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญและเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้เกิดขึ้น จนทำให้เกิดความกดดันในจิตใจซึ่งทั้งหมดนี้มีหลักเกณฑ์อยู่ ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาจึงได้หยิบยกเรื่องดังกล่าว ร้องเรียนไปยังข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยส่วนตัวก็ทำงานด้านนี้มาโดยตลอด และได้อ่านรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว จึงได้ตั้งคำถามว่า เป็นการเข้าข่ายด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็ต้องไปชี้แจงในเวทีระหว่างประเทศ ส่วนที่มาบอกว่า คนไทยใจเขมร มองว่า ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่สิ่งที่ตนทำไปคือความปรารถนาดีต่อประเทศไทย เพราะตนเองก็เป็นคนไทยที่รักชาติ ไม่น้อยไปกว่าใคร แต่เลือกที่จะเตือน และกล้าที่จะเตือน ในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นว่า ถูกต้อง และไม่อยากให้ประเทศไทยเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาโดนดราม่าถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนออกจาก สว.นั้น นางอังคณา ยืนยันว่า เรื่องล่ารายชื่อถอดถอน สว. ไม่สามารถทำได้ เพราะว่ารัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้แต่ว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงเวลากำลังจะแก้ไข รัฐธรรมนูญ ก็ขอให้ช่วยกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากอยากจะได้อะไรก็เสนอกันมา ถามว่า ท้อหรือไม่ ก็ธรรมดา เพราะคนทำงานสิทธิมนุษยชน ทั่วโลก ก็จะเจอปัญหาแบบนี้ เพราะเราต้องมีคนที่กล้าที่จะออกมาเตือนตรง ๆ ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้ประเทศไทยไปเจอ กับคำถามอะไรบ้า ๆ … Read more

สว.อังคณา พูดแล้ว หลังโดนดราม่าคนไทยถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อถอดถอนจาก สว.

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2568 นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายวัส ติงสมิตร อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กมองว่า การเปิดซาวด์ผี ไม่ผิด และไม่ครบองค์ประกอบการทรมาน ตามกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมจวก ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็นเขมร นั้น นางอังคณา ได้มีการออกมาตอบโต้ถึงประเด็นดังกล่าวว่า อยากจะแนะนำให้ลองไปอ่านรายงานของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ด้านการต่อต้านการทรมาน ที่ได้ทำรายงานวิจัยศึกษาเอาไว้ เรื่องการทรมานทางจิตวิทยา ที่ระบุไว้ว่า การทำให้เหยื่อสูญเสียอำนาจ หรือการทำอะไรไม่ได้เลย อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถหนีไปจากสภาพนั้นได้ เพื่อให้สิ่งนั้นยุติลงได้ หรือเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ และเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้เกิดขึ้น จนทำให้เกิดความกดดันในจิตใจ ซึ่งทั้งหมดนี้มีหลักเกณฑ์อยู่ ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาจึงได้หยิบยกเรื่องดังกล่าว ร้องเรียนไปยังข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยส่วนตัวก็ทำงานด้านนี้มาโดยตลอด และได้อ่านรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว จึงได้ตั้งคำถามว่า เป็นการเข้าข่ายด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็ต้องไปชี้แจงในเวทีระหว่างประเทศ ส่วนที่มาบอกว่า คนไทยใจเขมร มองว่า ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่สิ่งที่ตนทำไปคือความปรารถนาดีต่อประเทศไทย เพราะตนเองก็เป็นคนไทยที่รักชาติ ไม่น้อยไปกว่าใคร แต่เลือกที่จะเตือน และกล้าที่จะเตือน ในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นว่า ถูกต้อง และไม่อยากให้ประเทศไทยเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ … Read more

อนาคตราชวงศ์ไทยกับคำทำนายลับ: เจ้าฟ้าทีปังกรฯ สะเทือนบัลลังก์

ในโลกของราชวงศ์ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญเสียงกระซิบแห่งโชคชะตาบางครั้งมาในรูปของคำทำนายบางครั้งมาในรูปของเด็กชายตัวเล็กตัวเล็กผู้เงียบขลึมและบางครั้งมาในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดณดินแดนที่วัฒนธรรมศาสนาและราชบัลลังก์ถักท้อเป็นหนึ่งเดียวมีความเชื่อหนึ่งดำรงอยู่มายาวนานว่าผู้ที่จะเป็นกษัตริย์มิใช่แค่มีสายเลือดกษัตริย์แต่ต้องเป็นผู้ถูกเลือกโดยฟ้าในประวัติศาสตร์ไทยไม่ใช่ทุกพระโอรสจะได้ขึ้นครองราชย์แต่เกือบทุก กษัตริย์ล้วนมีคำทำนายที่ล้อมรอบพระองค์เมื่อรัชกาลที่4ทรงขึ้นครองราชย์มีคำพยากรณ์จากพราหมณ์หลวงว่าพระองค์จะนำพระศาสนาและวิทยาการมาสู่แผ่นดินเมื่อรัชกาลที่9เสด็จขึ้นครองราชย์ในวัยเยาประชาชนบางส่วนยังไม่แน่ใจแต่คำธรรมนายเก่าแก่ในภาคเหนือกลับกล่าวไว้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ผู้เป็นดั่งพ่อของแผ่นดินและวันนี้คำถามเดิมกลับมาอีกครั้งใครจะเป็นพระราชาองค์ต่อไปหลายคนอาจมีชื่อในใจหลายคนอาจคาดเดาจากข่าวลือแต่หากเรามองผ่าน ม่านของการเมืองผ่านเงาของประวัติศาสตร์และเงี่ยหูฟังเสียงของดวงดาวเราจะพบชื่อหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในแทบทุกค่ำทำนายเจ้าฟ้าทีพังกรรัศมีโชติพระโอรสที่แมจะเงียบงันไม่เป็นข่าวแต่กลับถูกกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะผู้ที่อาจจะเป็นสะพานแห่งยุคใหม่ในสมัยโบราณคำทำนายเปรียบเสมือนแผนที่นำทางราชบัลลังก์วันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนไปผู้คนก็ยังคงเฝ้ารอใครบางคนที่ถูกลิขิตให้มาเพราะในราชสำนักไม่มีใครขึ้นสู่บัลลังก์โดยไม่มีเรื่องเล่าและ เรื่องเล่าครั้งใหม่อาจเริ่มขึ้นแล้วในบรรดาพระโอรสทั้งหมดของพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวมีเพียง1พระองค์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายใต้พระกรุณาธิคุณที่ยังทรงได้รับการเลี้ยงดูแลและพัฒนาอย่างใกล้ชิดนั่นคือเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติแต่ก่อนจะไปถึงพระนามนี้เราควรย้อนมององค์รวมของราชวงศ์ในยุคปัจจุบันให้ชัดเจนก่อนพระโอรสทั้ง4พระองค์จากหม่อมสุจรินีวิวัฒวงศ์ในช่วงปี2532538พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงมีพระโอรสกับหม่อมสุจรินณีวิวัฒวงศ์ซึ่งต่อมาได้ ทรงมีพระโอรส4พระองค์ได้แก่จุทธาวัฒวิวัฒวงศ์วัดเยวิวัฒวงศ์จักรีวัฒวิวัฒวงศ์วัดวีวิวัฒงศ์พระโอรสทั้ง4พระองค์นี้มิได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าหรือพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายพระมารดาหม่อมสุจจารณีถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์และออกนอกประเทศในปีพุทธศักราช2539ตั้งแต่นั้นมาพระโอรสทั้ง4พระองค์ก็ถูกกันออกจากขอบเขตราชสำนักไทยแม้ในช่วงหลังพระโอรสบางพระองค์เช่นวัดเยสและจักรีวรรได้เดินทางกลับมาเยี่ยมประเทศไทยแต่ก็ไม่มีพระราชโองการหรือประกาศใดฟื้นฟูสถานะ ทางราชการนั่นทำให้สายพระโลหิตนี้หลุดพ้นจากลำดับการสืบราชสันตีวงศ์อย่างสิ้นเชิงแล้วทำไมเจ้าฟ้าทีปังกรจึงแตกต่างเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงประสูติเมื่อปีพุทธศักราช2548เป็นพระราชโอรสที่ประสูติจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์ผู้ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นพระชายาโดยชอบด้วยกฎหมายแม้ในภายหลังจะถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์ในปีพุทธศักราช2500157แต่เจ้าฟ้าทีปังกรมิได้ถูกแตะต้องหรือถูกลดฐานตามไปด้วยตรงกันข้ามพระองค์กลับยังทรงดำรงพระ เกียรติยศในฐานะพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายและยังคงได้รับการสนับสนุนในทุกด้านจากสถาบันพระมหากษัตริย์หลักฐานสำคัญคือในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปีพุทธศักราช2562เจ้าฟ้าทีปังกรทรงมีบทบาทสำคัญในการถวายพระแสงขันธ์ชัยศีแด่พระราชบิดาซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีการที่สงวนไว้สำหรับผู้สืบราชสันตติวงศ์ที่ได้รับการพิจารณาแล้วอีกทั้งในชีวิตประจำวันแม้จะทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนีแต่พระองค์ยังได้รับการดูแลจากครูเฉพาะทางและคณะทำงานที่ติดตามอย่าง ใกล้ชิดแม้มีรายงานว่าพระองค์เงียบขลึงและมีความท้าทายด้านพัฒนาการแต่พระองค์กลับทรงมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนตนเองด้วยวินัยและความเพียรตามพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์พุทธศักราช2467ผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ต้องเป็นพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายของพระมหากษัตริย์และมิได้ถูกตัดสิทธิ์โดยพระราชโองการเมื่อพิจารณาตามกฎหมายราชประเพณีและพฤติการที่ปรากฏเจ้าฟาทีปังกรจึงเป็นพระองค์เดียวที่ยังคงอยู่ในแผนที่แห่งอนาคตบางครั้งการไม่ถูกกล่าวถึงคือสัญญาณว่า เขากำลังถูกจับตามองอย่างลึกซึ้งที่สุดในราชสำนักไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญการทรงเงียบอยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของโลกอาจมิใช่ความบังเอิญแต่นั่นคือความพร้อมที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันรอวันปลุกแผ่นดินอีกครั้งผู้คนอาจเลือกผู้นำจากเสียงปรบมือแต่ดวงดาวเลือกจากความถี่ของวิญญาณในโลกตะวันตกโหราศาสตร์อาจถูกมองว่าเป็นความเชื่อเก่าแต่ในโลกของราชสำนักไทยมันคือภาษาของฟ้าภาษาที่ใช้ตีความพลังจังหวะและโชคชะตาของทั้งประเทศ และของพระราชาการประสูติของเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติเกิดขึ้นในช่วงปีพุทธศักราช2548ซึ่งตามโหราศาสตร์ไทยและสากลเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีเคลื่อนเข้าสู่ราศีธนูราศีแห่งสติปัญญาความเป็นผู้นำการเรียนรู้และความยุติธรรมดวงชะตาแห่งผู้ฟื้นฟูในหมู่นักพยากรณ์ดวงดาวมีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจว่าผู้ที่เกิดภายใต้ดาวพฤหัสราศีธนูมักจะมีพลังบารมีเย็นคือauthorityคือไม่ใช่ผู้นำที่ใช้เสียงดังหรือกดเหล็กแต่เป็นผู้นำที่ใช้ความอดทนสติและความลุ่มลึกใน จิตใจและที่สำคัญเจ้าฟ้าทีปังกรมีดาวดาวเสาร์ในตำแหน่งที่เข้มแข็งดาวเสาร์ในศาสตร์โบราณคือผู้ทดสอบผู้ที่ผ่านบททดสอบของดาวนี้มักจะกลายเป็นผู้นำที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อเสียงนินทาหรือแรงเสียดทานของโลกจึงไม่น่าแปลกใจที่แม้พระองค์จะไม่เคยแสดงพระองค์ต่อสื่อมากนักแต่กลับได้รับความสนใจอย่างเงียบๆจากกลุ่มนักโหรศาสตร์ที่ต่างกล่าวว่าดาวของพระองค์กำลังเดินเข้าสู่ตำแหน่งพลังสูงสุดในทดวันี้พลังที่เติบโตท่ามกลางความเงียบไม่มีคำแถลง ไม่มีคำสัมภาษณ์ไม่มีพระราชดำรัสต่อสาธารณะแต่ในทุกพระราชพิธีสำคัญพระองค์กลับอยู่ตรงนั้นเสมอในศาสตร์โหรศาสตร์มีหลักหนึ่งกล่าวว่าผู้ที่เงียบที่สุดมักส่งสัญญาณแรงที่สุดต่อจักรวาลและสัญญาณนั้นคือความเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าชะตาในทุกยุคของประวัติศาสตร์มักจะมีผู้หนึ่งที่ถูกเลือกให้เดินข้ามสะพานระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่บางครั้งพวกเขาไม่ได้เติบโตในความรุ่งเรืองแต่เติบโตในความเงียบความเจียมตนและการเรียน รู้เจ้าฟ้าทีปังกรอาจไม่ใช่พระโอรสที่เสียงดังที่สุดแต่พระองค์อาจคือเสียงที่จักรวาลต้องการฟังดวงดาวไม่เคยตะกอหรอกแต่เมื่อถึงเวลามันจับเหล่งแสงสว่างโดยไม่ต้องขออนุญาตจากใครและเมื่อแสงนั้นส่องมาถึงแผ่นดินไทยมันอาจไม่ใช่แค่คำทำนายแต่มันคือจุดเริ่มต้นของราชาองค์ใหม่ที่จักรวาลได้กำหนดไว้แล้วความเข้มแข็งของบางคนไม่ได้แสดงออกผ่านถ้อยคำแต่ผ่านความเงียบที่ไม่เคยหายไปถ้ามีคำใดที่สามารถสรุปภาพลักษณ์ของเจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติในสายตาสาธารณชนได้ดีที่สุดคำนั้นคงคือเงียบพระองค์ไม่เคยให้สัมภาษณ์ไม่เคยมีโซเชียลไม่เคยทรงเป็นข่าวในรูปแบบที่วัยรุ่นในยุคปัจจุบันเป็นแต่แม้จะเงียบเพียงใดพระองค์กลับปรากฏอยู่ในที่ที่สำคัญที่สุดอย่างต่อเนื่องการปรากฏกายที่เปลี่ยนความหมายภาพของพระองค์เคียงข้างพระราชบิดาในพระราชพิธีอีกไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีอีกแต่ยังเป็นภาษาที่ราชสำนักใช้ในการสื่อสารกับประชาชนว่าเขาคือคนที่กำลังเติบโต ในท่ามกลางพิธีกรรมและความเงียบภาพที่พระองค์ทรงเดินอย่างสงบมีมารยาทเรียบร้อยในงานพระราชพิธีสำคัญไม่ใช่เพียงภาพของเด็กชายในเครื่องแบบแต่คือภาพของผู้เติบโต๊ะขึ้นมาในระเบียบและแบบแผนของการเป็นพระราชาบททดสอบที่ไม่มีใครเห็นขณะที่วัยรุ่นหลายคนเผชิญบทเรียนในโรงเรียนเจ้าฟ้าทีปังกรเผชิญบทเรียนจาก2โลกโลกภายนอกที่มีสายตาจับจ้องและโลกภายในที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันเงียบงันมีรายงานว่าพระองค์ทรงศึกษาในประเทศ เยอรมนีในโรงเรียนที่เน้นระเบียบวินัยและความเป็นอิสระทางความคิดทรงใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างเรียบง่ายโดยมีครูดูแลเป็นการเฉพาะห่างจากแสงไฟของสื่อและห่างไกลจากเสียงของการเมืองแต่นั่นอาจเป็นบททดสอบที่แท้จริงเพราะผู้นำที่แท้มิได้เติบโตจากเสียงปรบมือแต่เติบโตจากความเข้าใจตนเองในยามที่ไร้คนเห็นยิ่งอยู่ในความเงียบจิตใจยิ่งแข็งแกร่งและองค์ชายผู้นี้กำลังพิสูจน์ว่าความเงียบมิได้หมายถึงความอ่อนแอแต่มันคือการเตรียมตัวสำหรับ วันหนึ่งที่ต้องพูดในนามของแผ่นดินผู้อยู่เบื้องหลังที่อาจอยู่เบื้องหน้าราชวงศ์ไทยเคยมีหลายองค์ชายที่ไม่เป็นข่าวแต่ในเวลาสำคัญพวกเขากลับถูกเรียกตัวให้มานำเช่นเดียวกับในประวัติศาสตร์ของรัชกาลที่9ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ในเวลาที่น้อยคนคาดถึงแต่นำพาประเทศไทยผ่านวิกฤตนานนับประการเจ้าฟ้าทีปังกรอาจอยู่เบื้องหลังขอบจอของประชาชนวันนี้แต่ในวันข้างหน้าเขาอาจยืนอยู่เบื้องหน้าของประชาชาติทั้งหมดผู้นำที่แท้มิใช่ผู้ที่ตะโกนว่าจงฟังข้า แต่คือผู้ที่เงียบแล้วคนทั้งแผ่นดินตั้งใจฟังเขาเองและหากวันนั้นมาถึงเราจะย้อนมองกลับไปยังวันนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อความเงียบที่ซ่อนพลังไว้มหาศาลไม่มีใครล่วงรู้อนาคตแต่บางคนเกิดมาเพื่ออยู่ในอนาคตนั้นประเทศไทยในศตวรรษที่21กำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนยุคที่ประชาชนเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในขณะที่อีกฝ่ายต้องการความมั่นคงโลกหมุนเร็วแต่ราชสำนักยังต้องยืนมั่นในระหว่างแรงโน้มถ่วงของอดีตและความเร่ง ร้อนของอนาคตเราต้องการผู้นำที่ไม่เพียงมีสายเลือดแต่ต้องมีจิตวิญญาณของผู้เชื่อมโลกทั้งสองไว้ด้วยกันเจ้าฟ้าทีปังกรผู้นำแห่งความหวังเงียบหากวันหนึ่งพระองค์ขึ้นครองราชย์เราคงได้เห็นราชาธิปไตยในรูปลักษณ์ใหม่ไม่ใช่เพียงผู้ปกครองตามพิธีการแต่คือพระราชาเงียบที่เติบโตจากการเรียนรู้และสังเกตพระองค์ทรงอาจมิใช่พระราชาที่ประชาชนใฝ่ฝันแต่กลับเป็นพระราชาที่เหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังจะมาถึงในวันที่โลกเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความเกรี้ยวกราดพระราชาแห่งสติอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดโลกไม่ต้องการผู้นำที่พูดทุกวันแต่ต้องการผู้นำที่ฟังอย่างลึกซึ้ง1ครั้งมากกว่าคำทำนายคือการลงมือเขียนประวัติศาสตร์ใหม่คำทำนายอาจเป็นเพียงเงาแต่พระราชาประกอบตอบด้วยเนื้อหนังชีพจรและหัวใจคำพยากรณ์อาจเป็นแนวทางแต่พระราชาคือผู้เดินตามแนวทางนั้นให้เป็นจริงพระองค์ยังเยาไวและอนาคตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแต่สัญญาณทั้งหมดที่โหราจารย์เห็นที่ประวัติศาสตร์กล่าวถึง ที่พิธีการสะท้อนออกมาอย่างเงียบงันชี้ไปยังพระองค์อย่างแนบเนียนและต่อเนื่องถ้าชะตากรรมคือกระแสลมเจ้าฟ้าทีบังกรอาจคือเรือที่ถูกต่อไว้นานแล้วเพราะวันออกเดินทางสะพานสู่ยุคใหม่บางคนมองพระองค์เป็นผู้แทนของสถาบันบางคนมองพระองค์เป็นความหวังใหม่และบางคนอาจยังไม่เคยรู้จักพระองค์เลยแต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรพระองค์กำลังเป็นสะพานระหว่างอดีตอันลึกซึ้งและอนาคตที่ยังไม่มีใครกล้าจินตนาการราชาไม่จำเป็นต้องเปล่งแสงที่สุดแต่อย่าลืมว่า แสงอาทิตย์รุ่งอรุณก็เริ่มจากความเงียบและหากโชคชะตาเป็นผู้เขียนเรื่องราวของไทยองค์ชายถี่ปังกรคือหนึ่งในตัวละครสำคัญที่กำลังรอวันปรากฏบทเต็มในหน้าประวัติศาสตร์ครับ

ด่วน!! เกิดเหตุระเบิด จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย

เมื่อเวลา 08.55 น. ของวันนี้ (16 ต.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก เกาะติดNews เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรยี่งอ ขณะออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยเส้นทาง บริเวณหน้าร้านน้ำชาพี่นี ริมถนนสายหลักในพื้นที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เบื้องต้นส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หากมีความคืบหน้าอย่างไร จะมารายงานรายละเอียดให้ทราบต่อไป ขอบคุณภาพจาก ห้องข่าวแดนใต้