ชูวิทย์ โพสต์สะเทือน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริง

ชูวิทย์ โพสต์สะเทือน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริง
ดีลกับปีศาจ”หน้าไหว้ หลังหลอก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” โพสต์แล้วนึกไม่ถึงว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริงๆ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ล่าสุดเรื่อง พรรคส้ม อีกแล้ว กับข้อความที่ว่า หน้าไหว้ หลังหลอกดีลที่พรรคส้มไปตกลงกับพรรคน้ำเงินเพื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เรียกว่าเป็น “ดีลกับปีศาจ”พรรคส้มต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จตามไทม์ไลน์ระยะเวลา 4 เดือน จึงต้องทำหน้าที่เป็นค้ำยันให้พรรคน้ำเงินอยู่ไปตลอดรอดฝั่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรรคส้มมีหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านที่สนับสนุนรัฐบาล” จนครบเวลาตามที่ตกลงกันไว้

ชูวิทย์ โพสต์สะเทือน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริง

แล้วหวังเอาว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรู้เหมือนที่ทุกคนรู้ว่าใครคุม ส.ว. อยู่แต่ต่อหน้า พรรคส้มต้องร่วมเล่นบท “หนูไม่รู้” กับพรรคน้ำเงิน อภิปรายทำมาดให้สมบทบาทฝ่ายค้าน (จริงๆ) การที่พรรคส้มบอกว่าไม่มีดีลอะไรกับพรรคน้ำเงิน จึงเป็นเพียงการเลี่ยงไม่ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ความจริง

ชูวิทย์ โพสต์สะเทือน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริง

อำพรางไว้ด้วยการแสร้งไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคน้ำเงินใน 4 เดือนนี้ ด้วยข้ออ้างว่าจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น  เมื่อฝุ่นจาง คนเริ่มเห็นความจริงว่าพรรคส้มจำเป็นต้องสนับสนุนพรรคน้ำเงินไปจนสุดทาง 4 เดือน ที่คาดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะแล้วเสร็จ และนำไปสู่การลงประชามติ พร้อมกันกับการเลือกตั้งใหญ่

 

ดังนั้นไม่ว่าพรรคน้ำเงิน คุณอนุทิน หรือ ครม. จะทำอะไร ตั้งใจผิดพลาดอย่างไร พรรคส้มมีหน้าที่ ”ดันก้น“ พรรคน้ำเงินไว้จนแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ พรรคส้มจะโหวต “ไม่ไว้วางใจ” พรรคน้ำเงินหรือ?เท่ากับว่าที่ดีลกันไว้กลายเป็น “ดีลล้มต้มคนเชียร์“แต่ถ้าโหวต “ไว้วางใจ” ยิ่งพังเข้าไปใหญ่

เพราะขนาดแค่โหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ พรรคส้มเหมือนถึงวัดรอพระสวด หากโหวตไว้วางใจ คงเข้าเมรุเผาเหลือแต่ขี้เถ้าพรรคส้มเขียน MOA เพื่อล็อกคอพรรคน้ำเงิน ทำไปทำมากลายเป็น “ล็อกคอตัวเอง” ให้ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันแท้ๆ มันเป็น “ผลประโยชน์ต่างตอบแทน“ ที่ผิดพลาด เพื่อแสวงหาทางขึ้นสู่อำนาจ

ชูวิทย์ โพสต์สะเทือน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริง

ไม่ได้มีผลประโยชน์เรื่องปากเรื่องท้องใดๆ ของประชาชนไปเกี่ยวข้องด้วยหากประชาชนเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้จะมองทะลุเห็นว่าไปโทษพรรคน้ำเงินไม่ได้เลย เพราะนักการเมืองย่อมต้องการเป็นรัฐบาล เสวยอำนาจ บริหารราชการท่าทีของพรรคนี้ก็ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร ใครๆ ก็รู้ ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว พรรคน้ำเงินเป็นแบบนี้ อุดมการณ์ คือ “เป็นรัฐบาลเท่านั้น”นักการเมืองบ้านใหญ่บ้านเล็ก จึงแห่เข้าบ้านน้ำเงินกันคึกคักหนาแน่น ทำให้พรรคน้ำเงินหุ้นขึ้นทะลุกราฟ ในขณะที่พรรคส้มหุ้นทิ่มหัวดิ่งลง

 

แต่ที่ผมและประชาชนทั่วไปขุ่นเคืองหมองใจพรรคส้ม คือการเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี พูดดีว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านจับจ้องการทำงานของพรรคน้ำเงิน

ทั้งที่ความเป็นจริง พรรคส้มกลับต้องดูแลรัฐบาลพรรคน้ำเงินเป็นอย่างดี ไปจนกว่าจะจบภารกิจที่ดีลกันไว้นอกจากไม่ยอมรับกันตรงๆ กับประชาชนแล้ว ยังไปเล่นการเมือง “ซ่อนแอบ”

ต่อหน้าบอกว่าจับจ้อง แต่ลับหลังกลับสนับสนุนเจือสมผลประโยชน์ร่วมกัน มิน่าเล่า เห็นลีลาธนาธรออกมาปกป้องเรื่องเขากระโดง กับ ฮั้ว ส.ว. แล้ว อย่างกับซ้อมบทกันมาก่อน ส.ส. เด็กๆ ในพรรคที่ออกอาการอิดออดตอนขานชื่อ อนุทิน เป็นนายกฯ คนอย่าง วิโรจน์ โรม น้องไอซ์ กลายเป็นเสมือน “พนักงานในบริษัท” ที่ต้องทำตามนโยบายของผู้บริหารทุกอย่าง แม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จำใจต้องทำตามที่เจ้าของพรรคสั่งเอาไว้

 

ท้ายสุดไม่ว่าพรรคไหน “นายทุนพรรค คือ เจ้าของพรรคตัวจริง”นักการเมืองใหม่ก็เหมือนกับพระบวชใหม่ เคร่งจนรองเท้ายังไม่ใส่ พออยู่ไปนานๆ พรรษาการเมืองแก่กล้าขึ้น อุดมการณ์ก็โยนทิ้งลงข้างทางแต่นี่เปลี่ยนกันเร็วจนแค่ก้มลงเก็บปากกา เงยหน้าขึ้นมาก็ตกลงเปลี่ยนอุดมการณ์กันหมดเสียแล้ว

แถมยังตีหน้าซื่อ เล่าความเท็จหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ การเมืองใหม่กับการเมืองเก่า ที่แท้ก็เล่นบทเดียวกัน คือ “หน้าไหว้ หลังหลอก”

นึกไม่ถึงว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้หลอกคนแก่ได้เนียนจริงๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *